ทนายความคดีฟ้องถอนคืนการให้ประพฤติเนรคุณ

 

ฟ้องถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้ประพฤติเนรคุณ

มาตรา 531    "อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดั่งจะกล่าวต่อไปนี้
(1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา หรือ
(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้าย แรง หรือ
(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้"

การให้ที่ถอนคืนไม่ได้

มาตรา 535    การให้อันจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านว่าจะถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณไม่ได้ คือ
(1) ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้
(2) ให้สิ่งที่มีค่าภารติดพัน
(3) ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา
(4) ให้ในการสมรส

อายุความการถอนคืนการให้

มาตรา 533    เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้นแล้วก็ดีหรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้วหกเดือนนับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะ ถอนคืนการให้ได้ไม่

อนึ่ง ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาสิบปีภายหลังเหตุการณ์เช่นว่านั้น

ตัวอย่าง กรณีที่เป็นประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  412/2528

 ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นบุตรโจทก์ โจทก์ยกที่ดินส่วนหนึ่งของโฉนดที่ ๔๘๙๔ เนื้อที่ ๑๒ ไร่ ให้จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาโจทก์ไปบ้านจำเลย แล้วเกิดทะเลาะกับจำเลย จำเลยจับผมโจทก์แล้วกระแทกหน้าโจทก์กับพื้น

เป็นแผลแตกที่ใต้คางและจำเลยยังบีบคอโจทก์อีกด้วย มีคนเข้าไปห้ามไว้ และมีคนพาโจทก์ไปส่งโรงพยาบาล โจทก์รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ๘ วัน แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ปัญหาต่อไปว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็น

การประพฤติเนรคุณโจทก์หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดา ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยขาดความกตัญญูและประทุษร้ายต่อบุพการีผู้มีพระคุณของตน แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงสาหัสก็ดี ก็ถือ

ได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (1)  แล้ว โจทก์จึงเรียกถอนการคืนการให้ได้

ตัวอย่าง ผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2550 ผู้ให้โดยเสน่หาเจ็บป่วยไปขอความช่วยเหลือจากผู้รับให้ แต่ผู้รับให้ไม่พอใจพร้อมพูดว่า บักหมามึงแก่แล้ว พูดจากลับไปกลับมาเหมือนเด็กเล่นขายของ มึงไม่มีศีลธรรม มึงไปตายที่ไหนก็ไป ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทผู้ให้อย่าง

ร้ายแรง จึงมีเหตุผู้รับการให้ประพฤติเนรคุณที่ผู้ให้ถอนคืนการให้ได้ เพราะกฎหมายกำหนดว่าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้าย แรงผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1147/2503 จำเลยเป็นบุตรสาวของโจทก์ เวลากลางคืนโจทก์ไปตามเด็กหญิงคนใช้ที่บ้านพักจำเลยโดยหาว่าจำเลยเอาเด็กนั้นมากักขังไว้ โจทก์จะให้เด็กกลับบ้านโจทก์ จำเลยไม่ยอม หาว่าโจทก์ปลุกปล้ำเด็กจะเอาเป็นภรรยา เด็กไม่ยอมจึงวิ่ง

มาหาจำเลย โจทก์จำเลยเถียงกัน จำเลยด่าโจทก์ว่า "ไอ้แก่กูไม่นับถือมึงอ้ายพ่อฉิบหาย" โจทก์ตบหน้าจำเลย จำเลยถีบเอาโจทก์ล้มลงแล้วต่างปล้ำทำร้ายกัน จนร่างกายฟกช้ำดำเขียวไปทั้งสองฝ่าย โจทก์ด่าจำเลยว่าอีสัตว์อีเหี้ย

จำเลยด่าโจทก์ว่า "อ้ายแก่อ้ายเนรคุณกูไม่นับถือมึง" มีคนห้ามจึงเลิกกัน ต่อมาอีก 5 วัน โจทก์และจำเลยมาสถานีตำรวจ เรื่องจำเลยหาว่าโจทก์ลักโฉนด เกิดโต้เถียงกันอีก จำเลยด่าโจทก์ว่า "มึงเนรคุณกู กูไม่นับถือมึง แก่แล้วยัง

บ้าตัณหาข่มขืนเด็ก" ทั้งนี้ ต่อหน้าคนหลายคนเช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) แล้ว คือจำเลยผู้รับได้ทำให้โจทก์ผู้ให้ เสียชื่อเสียงและหมิ่น

ประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรงเพราะจำเลยได้ว่าโจทก์ข่มขืนเด็ก ซึ่งเป็นความผิดอันจักต้องโทษทางอาญา การกล่าวอ้างทั้งนี้จะถือว่าเป็นเพียงการด่าว่าโต้ตอบกันไปมาระหว่างจำเลยกับโจทก์ไม่ได้ เพราะคำที่กล่าวนั้น มิใช่เพียงคำ

หยาบที่ไร้ความหมาย หรือที่มิได้ตั้งใจจะให้มีความหมายนอกไปจากเป็นคำหยาบหากแต่เป็นคำกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยยกขึ้นว่าเอากับโจทก์ว่าบ้าตัณหาข่มขืนเด็กกรณีดังนี้ โจทก์ย่อมถอนคืนการให้ได้         

  ข้อสังเกตเหตุ ถอนคืนการให้ตามอนุมาตรานี้ไม่จำเป็นต้องถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาแต่เพียงแค่คำ ด่าทอในลักษณะดูหมิ่นใช้คำหยาบคายเหยียดหยามหรือคำไม่สุภาพเท่านั้นก็ถือเป็นเหตุประพฤติเนรคุณตามอนุมาตรานี้แล้ว

    แต่หากเป็นการโต้ตอบทะเลาะวิวาทซึ่งกันและกันต่างคนต่างด่ากันเพราะผู้ให้เป็นฝ่ายก่อเหตุจะถือเป็นเหตุประพฤติเนรคุณไม่ได้

คำพิพากษาฎีกา1953 / 2537 โจทก์มีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันเท่านั้นการที่โจทก์และจำเลยทะเลาะกันและต่างคนต่างด่ากันเป็นเพราะโจทก์เป็นฝ่ายกอและจำเลยด่าโต้ตอบเพราะถูกจอดคมเฮงน้ำใจ อย่างรุนแรงเช่น นี้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงเพื่อเป็นเหตุเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณหาได้ไม่

แต่หากเป็นเพียงคำพูดจากระทบกระเทียบที่จำเลยไม่สมควรใช้กับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้นโดยกล่าวกับโจทย์ว่าหัวหงอกหัวขาวตายนานนั้น ถ้อยคำไม่ใช่คำด่าไม่เป็นเหตุประพฤติเนรคุณฎีกาที่1527 / 2534

และ ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้

อ่านต่อ  >>> ให้โดยเสน่หา การฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนเพราะเหตุประพฤติเนรคุณ มีหลักเกณฑ์อย่างไร

 
Visitors: 145,074