ทนายฟ้องคดีสามีภริยามีชู้
ฟ้องเมียน้อย ฟ้องชู้เรียกค่าทดแทน
สามารถฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนจากชู้ตามอย่างเดียว มาตรา ๑๕๒๓ วรรค ๒ ได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องหย่าด้วย
มาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง บัญญัติว่า สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และ ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตน มีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๒๐/๒๕๓๐ การล่วงเกินในทำนองชู้สาวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1523 วรรคสองมีความหมายรวมถึงการทำชู้ด้วย สิทธิเรียกค่าทดแทนนี้มิได้มีเงื่อนไขว่าสามีจะต้องฟ้องหย่าภริยาเสียก่อนจึงจะฟ้องเ รียกค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาวได้และค่าทดแทนในกรณีนี้เป็นค่าเสียหา ยอย่างหนึ่งที่ชายชู้ต้องรับผิด ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามฐานานุรูปแห่งผู้ต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งรวมถึงความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์ด้วย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นชู้กับ น.ผู้ตายซึ่งเป็นภริยาโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ข้อหนึ่งว่าหากน. เป็นภริยาโจทก์โจทก์ก็รู้เห็นเป็นใจให้ภริยามีชู้ ดังนี้ประเด็นที่ว่าโจทก์รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยเป็นชู้กับผู้ตายนั้น ภาระการพิสูจน์ตกแก่จำเลย
กรณีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสอีกฝ่าย และจากหญิงอื่น หรือชู้ ตาม มาตรา ๑๕๒๓ วรรค ๑ โดยจะต้องฟ้องหย่าด้วยจึงจะมีสิทธิเรียกเงินค่าทดแทน
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2552 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1525 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การกำหนดค่าทดแทนกรณีศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุสามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรื อยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามีเป็นชู้ หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากหญิงอื่นหรือชู้ ตามมาตรา 1523 วรรคหนึ่ง นั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวดๆ มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ และวรรคสองบัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้จะต้องชำระค่าทดแทนเป็นคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ศาลคำนึงถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่สมรสนั้นได้รับไปจากการแบ่งสินสมรสเพราะการหย่าน ั้นด้วย เมื่อโจทก์เรียกค่าทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นคู่สมรสเป็นเงิน 5,000,000 บาท โดยมิได้แสดงพฤติการณ์พิเศษให้เห็นว่าเพราะเหตุใดโจทก์จึงควรได้ค่าทดแทนจำนวนดังกล่ าว ศาลจึงต้องกำหนดโดยคำนึงถึงฐานานุรูปของโจทก์ จำเลยและพฤติการณ์แห่งคดี อีกทั้งทรัพย์สินที่โจทก์ได้รับจากการแบ่งสินสมรสตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองตามบทบั ญญัติมาตรา 1525 ดังกล่าว ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าทดแทนเพราะเหตุจำเลยอุปการะเล ี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยาเป็นเงิน 500,000 บาท นับว่าเหมาะสมตามควรแก่พฤติการณ์แล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะกำหนดค่าทดแทนให้มากไปกว่ านี้
_______________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์และจำเลยอยู่กินฉันสามีภริยาตั้งแต่ปี 2518 ภายหลังได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2540 จำเลยออกจากบ้านโดยมีเจตนาที่จะละทิ้งร้างโจทก์ไปอยู่กินฉันสามีภริยากับหญิงอื่นจำเ ลยจำหน่ายสินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ คือ รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ห้องชุดบ้านสวนบางเขน ทาวน์เฮาส์ ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารหุ้นและเงินปันผลของสหกรณ์ออมทรัพย์กรมประมง และเงินบำเหน็จที่จำเลยได้รับเนื่องจากลาออกจากกรมประมง ซึ่งเงินจากการขายรถยนต์ทั้งสองคัน ค่าหุ้น และเงินปันผลรวมทั้งเงินบำเหน็จ จำเลยต้องชดใช้คืนแก่โจทก์ครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 671,000 บาท ส่วนห้องชุดทาวน์เฮาส์และดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารซึ่งเป็นสินสมรส จำเลยต้องแบ่งในส่วนของโจทก์ด้วยการที่จำเลยละทิ้งร้างโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสี ยหายและเสียชื่อเสียงขอคิดค่าทดแทนเป็นเงิน 5,000,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ ให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนจำนวน 5,000,000 บาท และชดใช้สินสมรสที่ได้จัดการไปในทางที่เสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 671,000 บาท ให้จำเลยถอนดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (ที่ถูก บัญชีเงินฝากประจำ) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาบางเขน เลขที่ 047-2-12xxx-x ณ วันทำการเบิกถอนให้โจทก์ครึ่งหนึ่งและให้จำเลยแบ่งสินสมรส คือห้องชุดบ้านสวนบางเขน เลขที่ 21/168 ตำบลคลองถนน อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร และทาวน์เฮาส์เลขที่ 99/81 พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 137137 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (ที่ถูก โฉนดเลขที่ 137137 แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร) ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การว่า เหตุที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้มีการพิจารณาพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 920/2544 มาแล้ว คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเกี่ยวกับเหตุหย่าว่ายังไม่พอฟังว่าจำเลย (โจทก์คดีนี้) ทิ้งร้างโจทก์ (จำเลยคดีนี้) ไปเกิน 1 ปี ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นเหตุหย่าตามฟ้อง คำฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำจำเลยไม่ได้จ่ายโอนสินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก ์จึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าทดแทนแก่โจทก์ แต่จำเลยยินดีแบ่งดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารให้โจทก์ครึ่งหนึ่งตามความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ 500,000 บาท ให้จำเลยถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาบางเขน เลขที่บัญชี 047-2-12xxx-x จำนวนเงิน 2,646,484.08 บาท มาชำระแก่โจทก์ และให้จำเลยถอนดอกเบี้ยของเงินฝากดังกล่าวที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 3 ธันวาคม 2544 ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดมาชำระแก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากจำเลยไม่ถอนเงินทั้งสองรายการมาชำระแก่โจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้โจทก์และจำเลยแบ่งห้องชุดบ้านสวนบางเขน เลขที่ 21/168 ตำบลคลองถนน อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร และทาวน์เฮาส์เลขที่ 99/81 พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 137137 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจัตุจักร กรุงเทพมหานคร (ที่ถูกโฉนดเลขที่ 137137 แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร) คนละครึ่ง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำออกประมูลราคากันระหว่างโจทก์กับจำเลยหรือขายทอดตลาดแล้วน ำเงินที่ได้มาแบ่งกันคนละครึ่ง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้ตกเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยแบ่งเงินที่ได้จากการขายรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 9 ฬ - 3113 กรุงเทพมหานคร จำเนวน 500,000 บาท เงินค่าหุ้นและเงินปันผลจากสหกรณ์ออมทรัพย์กรมประมง จำนวน 142,000 บาท และเงินบำเหน็จจำนวน 250,000 บาท แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง ให้จำเลยลงชื่อเบิกถอนดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากประจำธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาบางเขน เลขที่ 047-2-12xxx-x มาชำระแก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง โดยถอนดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 13 ธันวาคม 2544 ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ดอกเบี้ยเงินฝากจนถึงวันดังกล่าวหลังจากแบ่งกันแล้วต้องไม่เกิน 2,799,644.21 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ตกเป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากหญิงอื่นหรือชู้ แล้วแต่กรณี และมาตรา 1525 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ค่าทดแทนตามมาตรา 1523 และมาตรา 1524 นั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวด ๆ มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ และวรรคสองบัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้จะต้องชำระค่าทดแทนเป็นคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ศาลคำนึงถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่สมรสนั้นได้รับไปจากการแบ่งสินสมรสเพราะการหย่าน ั้นด้วย ข้อเท็จจริงได้ความว่าก่อนจำเลยจะละทิ้งร้างโจทก์ไปนั้น เมื่อเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2540 จำเลยป่วยเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองตีบซึ่งแพทย์แนะนำให้จำเลยงดการขับรถยนต์ส่อแสดงสมร รถภาพทางร่างกายของจำเลยไม่ปกติเช่นคนธรรมดาทั่วไป และขณะถูกฟ้องจำเลยมีอายุ 60 ปี อีกทั้งโจทก์เบิกความว่า นอกจากทรัพย์สินที่โจทก์ขอแบ่งแล้วโจทก์ยังประสงค์จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยในกรณีจำเ ลยทิ้งร้างโจทก์ไปทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อน เพื่อนฝูงและคนรู้จักกันจะว่าโจทก์เป็นหญิงหม้ายที่สามีทิ้งร้างไป ทำให้โจทก์อับอายโดยคนเหล่านั้นเข้าใจว่าโจทก์เองเป็นฝ่ายผิดโจทก์จึงต้องการเรียกร้ องค่าทดแทนดังกล่าวเป็นเงิน 5,000,000 บาท ตามฟ้องโจทก์มิได้แสดงพฤติการณ์พิเศษให้เห็นว่า โจทก์ควรได้ค่าทดแทนเท่าใด เมื่อคำนึงถึงฐานานุรูปของโจทก์และพฤติการณ์แห่งคดีประกอบบทบัญญัติ มาตรา 1525 แห่งประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ดังกล่าวข้างต้น อีกทั้งทรัพย์สินที่โจทก์ได้รับจากการแบ่งสินสมรสตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองแล้ว เห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าทดแทนเพราะเหตุจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยาเป็นเ งิน 500,000 บาท นับว่าเหมาะสมตามควรแก่พฤติการณ์แล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฏีกาจะกำหนดค่าทดแทนให้มากไปกว่านี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาในประเด็นข้อนี้จึงชอบด้วยเหตุผลศาลฏีกาเห็นพ้องด้วย ฏีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฏีกาให้เป็นพับ
เหตุที่จะฟ้องหย่าได้มี ๑๐ อย่าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๑๖ มีดังต่อไปนี้ คือ
(๑)* สามีหรือภริยา อุปการะเลี้ยงดู หรือ ยกย่อง ผู้อื่น& nbsp;ฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ หรือ มีชู้ หรือ ร่วมประเวณีกับ ผู้อื่น เป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้
.....เช่น สามีเลี้ยงดูหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภริยาอย่างเปิดเผย...สามีแสดงให้บุคคลอื่นทราบโดยเปิด เผยว่าหญิงอื่นนั้นมีความสัมพันธ์ฉันภริยา เช่น พาไปงานสังคม แนะนำกับผู้อื่นว่าเป็นภริยา...สามีเทียวหญิงบริการสัปดาห์ละ ๒ ครั้งเป็นประจำ...สามีหรือภริยามีเพศสัมพันธ์กับ คนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว
.....เหตุฟ้องหย่า ตาม มาตรา ๑๕๑๖(๑) นี้ ถ้าสามีหรือภริยา ได้ยินยอม หรือ รู้เห็นเป็นใจ ฝ่ายที่ยินยอม หรือ รู้เห็นเป็นใจนั้น จะยกเป็น เหตุฟ้องหย่า ไม่ได้
.....เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตาม มาตรา ๑๕๑๖ (๑) ภริยาหรือสามี มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจาก อีกฝ่ายและจากผู้ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริ ยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และ ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตน มีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้ (ตามมาตรา ๑๕๒๓)
.....ถ้าสามีหรือภริยายินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตาม มาตรา ๑๕๑๖ (๑) หรือให้ผู้อื่นกระทำการ จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
.....อนึ่ง สิทธิฟ้องหย่า ย่อมหมดไป เมื่อ ฝ่ายที่มีสิทธิฟ้องหย่า ได้กระทำการ อันแสดงให้เห็นว่า ได้ให้อภัย ในการกระทำ ของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว