ข้อต่อสู้คดีหมิ่นประมาท และ พรบ.คอมพิวเตอร์
คดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พรบ.คอมพิวเตอร์ สู้คดีอย่างไรให้ศาลยกฟ้อง
1.1 ต่อสู้ว่า ข้อความกล่าวนั้น ไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงเป็นเพียงการคาดคะเนเป็นคำขู่
ฎีกาที่2180 / 2531 และฎีกาที่1201 / 2505จำเลยซึ่งเป็นตำรวจไปจับแผ่นกระดาษจดหมายเลขสลากกินรวบที่นางพีเป็นผู้ขาย ก่อนจับได้ก็มีการยื้อแย่งกันและจับได้บนบ้านของโจทก์ จำเลยพูดกับโจทก์ว่า เดี๋ยวจับเป็นอันธพาลทั้งพ่อทั้งลูก(โจทก์ที่2 เป็นบุตรสาวของโจทก์ที่1) ดังนี้ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานใส่ความหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326 เพราะจำเลยมิได้กล่าวว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลอันธพาล เป็นคำขู่เพื่อมิให้โจทก์ทั้งสองเข้าขัดขวางช่วยเหลือผู้กระทำผิดเท่านั้น
1.2 ต่อสู้ว่าเป็นการเปรียบเทียบเลื่อนลอยไม่ยืนยันข้อเท็จจริง
ฎีกา42 6/62520ส่งข่าวไปลงหนังสือพิมพ์ว่า ส. เป็นนายทุนขูดรีดจนถึงขนาดถูกสอบสวนว่าเป็นภัยต่อสังคม เป็นคำกล่าวหมิ่นประมาทและไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ที่กล่าวว่าเป็น ส. ส. ขบวนการปลาทูเป็นการเปรียบเทียบเลื่อนลอยไม่ยืนยันข้อเท็จจริงไม่เป็นหมิ่นประมาท
1.3 ต่อสู้ว่า ข้อความเป็นเพียงคำไม่สุภาพ ไม่เป็นการใส่ความ
ฎีกา576 / 2550คำฟ้องโจทก์อ้างเหตุประการแรกว่า จำเลยที่1 หมิ่นประมาทโจทก์ด้วยถ้อยคำว่า "โจทก์ยกที่ดินให้แล้ว ยังจะเอาคืน เสือกโง่เอง อย่าหวังว่าจะได้สมบัติคืนเลย" ข้อความนี้ เป็นเพียงการกล่าวถ้อยคำไม่สุภาพเท่านั้น ไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงแต่อย่างใด ดังนั้นแม้หากจะฟังได้ว่า จำเลยที่1 กล่าวถ้อยคำตามคำฟ้องจริงก็ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเพิกถอนการให้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่1 ได้กล่าวข้อความตามคำฟ้องหรือไม่ฎีกา72/ 2525ฎีกาที่9627 / 2555
1.4 ฎีกาที่256 / 2509ต่อสู้ว่า การกล่าวข้อความที่เป็นไปไม่ได้ไม่ทำให้คนเชื่อ ไม่เกิดความรู้สึกเกลียดชังดูหมิ่น เช่น ด่าเป็นปอบ เป็นชาติหมา
1.5 ต่อสู้ว่า การกล่าวถึงกลุ่มบุคคลโดยไม่ได้ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าหมายถึงใครผู้ใดและไม่อาจเข้าใจได้ว่าหมายถึงใครไม่เป็นการหมิ่นประมาทฎีกาที่1325 / 2498กรณีที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทข้อความที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงถึงบุคคลใดโดยเฉพาะ และโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงบุคคลผู้ถูกหมิ่นประมาทนั้นด้วยเมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาทก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใดเป็นผู้เสียหายเมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
1.6 ไม่ถึงขนาดเป็นการใส่ความให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ไม่เป็นหมิ่นประมาท เพราะข้อความที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นต้องพิจารณาถึงความรู้สึกวิญญูชนทั่วๆไปเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาไม่ใช่พิจารณาถึงความรู้สึก ของผู้ถูกหมิ่นประมาทเพียงฝ่ายเดียว
ฎีกา2777/2545วันนัดสืบพยานโจทก์ ระหว่างผู้พิพากษารออ่านรายงานกระบวนพิจารณา จำเลยได้พูดต่อหน้าผู้พิพากษา ทนายจำเลยและพยานว่า "ทนายความคนนี้ใช้ไม่ได้ ทั้งประเทศไทยมีทนายความแบบนี้อยู่คนเดียว ชอบหาเรื่องกลั่นแกล้งจำเลย ประเทศชาติอยู่ไม่ได้แน่ ถ้ายังมีทนายความประเภทนี้ อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล" และเมื่อผู้พิพากษาตักเตือน จำเลยยังพูดต่ออีกว่า "ท่านครับอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล" เป็นการระบายความรู้สึกของจำเลยที่มีต่อโจทก์และเป็นการวิจารณ์การทำงานในหน้าที่ทนายความของโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจำเลยในความรู้สึกว่าจำเลยถูกกลั่นแกล้งมิใช่เป็นการใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ไม่เป็นหมิ่นประมาท
1.7 การเบิกความในฐานะพยานตอบคำถามไปตามหน้าที่ของพยานไม่มีเจตนาใส่ความผู้อื่นให้ไม่ผิดฐานมินประมาท ฎีกา249 / 2510
1.8การทะเลาะโต้เถียงกันด้วยความโกรธถ้อยคำโต้ตอบกันถือว่าไม่มีเจตนาใส่ความ ไม่เป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาท
ฎีกา1545 / 2513ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวเป็นถ้อยคำตอบโต้หรือย้อนคำโจทก์ต่างคนต่างว่าซึ่งกันและกันในการทะเลาะโต้เถียงกัน จะถือเป็นถ้อยคำที่จำเลยเจตนาใส่ความอันเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่ได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง
1.9 การต่อสู้โดยการพิสูจน์ได้ว่าข้อความที่กล่าวหาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริงผู้นั้นไม่ต้องรับโทษมาตรา330 วรรคแรก แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ถ้าข้อความ นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวและการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนตาม330 วรรคท้าย
2.0 ข้อยกเว้นตามมาตรา329. 331 ซึ่งบัญญัติว่า.....
มาตรา 331 ทนายความหรือทนายความของคู่ความ ซึ่งแสดงความคิด เห็น หรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดี ของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
3.0 ข้อต่อสู้ว่าตนไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด